เมนู

อรรถกถาสสปัณฑิตจริยาที่ 10


พึงทราบวินิจฉัยในอรรถกถาสสปัณฑิตจริยาที่ 10 ดังต่อไปนี้ . บทว่า
ยทา โหมิ คือในกาลใดเราเป็น. บทว่า สสโก ความว่า ดูก่อนสารีบุตร
เราเที่ยวแสวงหาโพธิญาณ ในกาลเมื่อเราเป็นสสปัณฑิต (กระต่าย). จริงอยู่
พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย แม้ถึงความเป็นผู้ตกอยู่ในอำนาจของกรรมก็ยังบังเกิด
ในกำเนิดเดียรัจฉานเพื่ออนุเคราะห์สัตว์เดียรัจฉานเช่นนั้น. บทว่า ปวน-
จารโก
คือผู้เที่ยวไปในป่าใหญ่ ชื่อว่า ติณปณฺณสากผลภกฺโข เพราะ
มีหญ้า มีหญ้าแพรกเป็นต้น ใบไม้ที่กอไม้ ผักอย่างใดอย่างหนึ่ง และผลไม้
ที่ตกจากจากต้นไม้. บทว่า ปรวิเหฐนวิวชฺชิโต คือเว้นจากการเบียดเบียนผู้
อื่น. บทว่า สุตฺตโปโต จ คือลูกนาก. บทว่า อหํ ตทา คือในกาล
เมื่อเราเป็นกระต่าย เราสอนสหายมีลิงเป็นต้น. บทว่า กิริเย กลฺยาณปาปเก
คือในกุสลกรรมและอกุสลกรรม. บทว่า ปาปานิ เป็นบทแสดงอาการพร่ำ
สอน. ในบทเหล่านั้น บทว่า ปาปานิ ปริวชฺเชถ คือท่านทั้งหลายจงเว้น
บาปเหล่านี้ คือฆ่าสัตว์ ฯลฯ มิจฉาทิฏฐิ. บทว่า กลฺยหาเณ อภินิวิสฺสถ
ได้แก่กรรมดี คือทาน ศีล ฯลฯ การทำความเห็นให้ตรง. ท่านทั้งหลาย
จงตั้งอยู่ในกรรมดีนี้ ด้วยความเป็นผู้มีกาย วาจา ใจ ของตนให้อยู่เฉพาะ
หน้า. อธิบายว่า จงปฏิบัติกัลยาณปฏิบัตินี้เถิด.
พระมหาสัตว์แม้อุบัติในกำเนิดเดียรัจฉานอย่างนี้ ก็เป็นกัลยาณมิตร
เพราะเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยญาณ ทรงแสดงธรรมด้วยการให้โอวาทแก่สัตว์ทั้ง